Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...
วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ตากันย์ จอมขมังเวทย์แห่ง 830



สองวันก่อนมีผู้โพสภาพถ่ายของ แท้งค์น้ำรถไฟ ที่ยะลามาให้ชมกัน... เห็นภาพแล้วนึกถึงอดีตของยะลาขึ้นมาตะหงิด ๆ .

เจ้าแท้งค์น้ำใหญ่สูงตระหง่านดำทะมึนแห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของแลนด์มาร์คเมืองยะลาเพราะหากนั่งรถไฟมาจากทิศใต้เมื่อรถจะเทียบขบวนเข้าชานชาลา สิ่งแรกที่เราจะเห็นภาพแต่ไกล ๆ ก็คือ เจ้าแท้งค์น้ำใหญ่อันนี้ละครับ.




สมัยผมเด็ก ๆ แท้งค์น้ำใหญ่คือของเล่นที่ผมและพี่ ๆ เพื่อน ๆ ในละแวกบ้านพักรถไฟใช้เป็นที่ท้าทายกัน แม้นจะถูกพ่อและแม่กำหราบไว้เป็นเด็ดขาดว่าหากพบว่าผมหรือใครปีนขึ้นไปเล่นบนแท้งค์น้ำนี้ เป็นโดนหวดด้วยไม้เรียวอย่างไม่ปรานีปราศรัย


พ่อเคยถึงขนาดหลอกให้พวกเรากลัวกันว่า แท้งค์น้ำนี้มี ผี!! เพราะเคยมีคนปีนขึ้นไปแล้วตกลงไปในแท้งค์น้ำตาย เล่นเอาเด็ก ๆ กลัวกันไปพักใหญ่ โดยเฉพาะเวลาคืนเดือนหงายฟ้ากระจ่าง..จะเห็นเจ้าเงาทะมึนของแท้งค์น้ำยืนผงาดราวกับจะเป็นปีศาจตัวยักษ์ที่ดูแล้วน่าเกลียดน่ากลัวก็ไม่ปาน


แต่เอาเข้าจริง ..ความสนุกของการปีนขึ้นไปชมวิวดูน้ำที่สุบๆลงไปในแท้งค์แล้วมันเป็นอะไรที่เด็ก ๆ อยากท้าทาย..แม้นทุกครั้งที่ น้าหริ คนสูบน้ำที่เป็นพนักงานรถไฟที่มีหน้าที่สูบน้ำตรงโรงสูบที่อยู่ติดกัน จะขอแลกเปลี่ยนให้พวกเราไม่แอบปีนขึ้นไป แต่จะใช้วิธีแลกกันคือ แกยอมปล่อยให้น้ำมันล้นจากแท้งค์ตกลงมาจากยอดแท้งค์ให้พวกเราเล่นน้ำกันอย่างสนุก


โรงสูบน้ำรถจักรที่ยะลา ..ต้องเลิกราไปพร้อม ๆ กับ วันเวลาของรถจักรไอน้ำที่กลายเป็น อดีต ...

หลายตำแหน่งในงานรถไฟที่เคยมี กลายเป็นตำแหน่งที่ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง คนการจุดเตาบอยเลอร์(จุดไฟรถจักร) หรือตำแหน่งช่างไฟสองที่เคยมีหน้าที่สำหรับการโยนฟืนเข้าเตารถจักร และแม้นแต่พนักงานสูบน้ำขึ้นแท้งค์สำหรับจ่ายให้รถจักรไอน้ำ


ผมเห็นแท้งค์น้ำ ...ก็คิดถึงบ้านเกิดที่ยะลา สภาพของบ้านพักรถไฟที่เป็นเรือนไม้แถว อยู่ติดกันกับแท้งค์น้ำ แม่ผมทำหน้าที่เป็นรูมเมดหรือแม่บ้านที่คอยจัดเตรียมที่นอนให้แก่เหล่าพนักงานขับรถจักรหรือที่คนรถไฟมักเรียกกันว่า "รันนิ่ง"

ภาพคล้ายในอดีต

เรือนไม้ที่สร้างแบ่งออกเป็น 8 ห้อง แต่ละห้องมีสองเตียงนอน และหลังสุดท้ายติดกันคือบ้านพักของครอบครัวผม

ถัดจากบ้านผมไปทางทิศใต้ราว 200 เมตร จะเป็นโรงสำหรับเก็บรถจักร ขนาดย่อม ซึ่งในนั้นจะมีช่องหลุมลงใต้พื้นสำหรับการตรวจซ่อมใต้รถจักรแบบชั่วคราว ซึ่งการรถไฟฯ สร้างขึ้นเพื่อให้พนักงานรถจักรเมื่อทำขบวนมาถึงยะลาแล้ว ก็นำเข้าไปจอดไว้เพื่อรอทำขบวนในเช้าวันรุ่ง


แต่เอาเข้าจริง เหล่า พ.ข.ร (พนักงานขับรถ) ก็มักจะเล่นขับรถจักรไอน้ำมาจอดกันซะหน้ารันนิ่ง เพราะความเหนื่อยและขี้เกียจที่จะต้องเดินจากโรงรถจักรมารันนิ่งอีกนับร้อยเมตร

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่หน้าบ้านผมจะเต็มไปด้วยเหล่ารถจักรไอน้ำทะมึนหลากสัญชาติ ตั้งแต่ญี่ปุ่นอย่างพวก มิกาโด้,แปซิก หรือแม้นแต่อย่างรุ่นปู่แมกอาเธอร์ ก็ยังแวะเวียนมาจอดในฐานะรถสินค้าหวานเย็นอยู่บ่อยครั้ง



รันนิ่ง ทั้ง 8 ห้องนั้น เว้นไว้ห้องเดียวที่แม่และพี่ ๆ รวมทั้งผม ไม่ค่อยจะได้เข้าไปปูเตียง เพราะเป็นที่รู้กันในเหล่า พ.ข.ร และช่างไฟทั้งหลายที่ปฎิเสธจะพักในห้องที่เรียกว่า "ห้องหนึ่ง!"


เหตุเพราะห้องหนึ่ง เป็นห้องที่เสาต้นหนึ่งเป็นเสาตกน้ำมัน ซึ่งเมื่อครั้งแรก ๆ ที่มีน้ำมันซึมไหลออกก็ไม่ได้สร้างปรากฎการณ์ใด ๆ แต่หลังจากที่ใครคนหนึ่งไปพัก และดันไปปิดทองอร่ามเข้า นั่นทำให้ห้องนี้กลายเป็นที่ฮือฮากันว่า มี "ผี!"


ช่างไฟบางคนบอกแม่ว่า ..บางทีกลางคืนก็ได้ยินเสียงคนเดินไปมาอยู่หน้าห้อง ...และเมื่อเปิดมาดูก็ไม่เห็นมีใคร และที่น่าตกใจก็คือเมื่อนับจำนวนสมาชิกที่เข้าพักกันแล้ว เสียงที่ได้ยินนั้นกลับเป็นเสียงที่ทุกคนเชื่อว่า เป็น "ส่วนเกิน!"


นับแต่นั้น "ห้องหนึ่ง" จึงเป็นห้องที่ไม่มีใครพัก..... ยกเว้นไว้แต่.....คนเดียวที่เป็นควาญรถจักรไอน้ำเก๋ากึ๊กแบบฟืน คันหมายเลข 830

รถจักรไอน้ำแปซิกฟิค 830

830 เป็นรถจักรไอน้ำแปซิกฟิคญี่ปุ่นที่ใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง และ พ.ข.ร ประจำจนกระทั่งคันนี้ตัดบัญชีเป็นเศษเหล็ก คือนายกันย์ แสงแก้ว หรือ ลุงกันย์ ที่สนิทสนมกับครอบครัวผมเป็นพิเศษ

ทุกครั้งที่เห็น 830 ทำขบวนผ่านยะลาไปสุไหงโกลก ก็เป็นอันที่ทราบกันว่า วันพรุ่งขบวนเย็นรถจักรคันนี้จะทำขบวนสุดท้ายจากสุไหงโกลกสุดปลายทางยะลาในเวลาราว ๆ 5-6 โมงเย็น


"ห้องหนึ่ง" เป็นห้องเดียว ลุงกันย์ ชอบนอนที่ห้องนี้ และเป็นหน้าที่แม่ซึ่งจะเป็นคนเดียวที่กล้าเข้าไปปูที่นอนให้ ส่วนช่างไฟหนึ่งและสอง ต่างก็ขอนอนห้องอื่นเป็นเรื่องปกติประจำ


ลุงกันย์ เป็นคนเงียบ ๆ พูดน้อย..และพูดเบา แต่ที่ทุกคนรู้กันคือ แกเป็น "จอมขมังเวทย์" พอ ๆ กับเป็น "พ.ข.ร"

แกถูกหวยบ่อย ๆ และที่สำคัญ ทุกคืนจะได้ยินแกสวดมนต์ในห้องเป็นเวลานาน...และที่เล่นเอาคนที่บ้านผมนอนไม่หลับกันก็เพราะช่างไฟมักจะบอกว่าได้ยินแกคุยกับใครไม่รู้ในห้อง!!


ลุงกันย์บอกแม่ผมว่า... เค้าเป็นนางไม้ ไม่ทำร้ายใคร!? ขอให้ดูแลห้องหับให้สะอาดสะอ้านแล้วกัน จากนั้นแก็มักให้เลขเด็ดเป็นของแถม...ถูกมั่ง..ไม่ถูกมั่ง ก็เป็นเรื่องราวบันทึกในอดีตที่ยังจำได้



ปลายชีวิตในยามสนธยา ลุงกันย์..กลายเป็นตากันย์ เมื่อเกษียณจึงสละทางโลกไปบวชเป็นหลวงตาอยู่ในวัดแห่งหนึ่งในหาดใหญ่ ..แต่จะด้วยกุศลส่งน้อยไปนิดหรือไรไม่ทราบเพราะหลวงตาในวัยแปดสิบเริ่มมีอาการป่วยและที่สำคัญแกเป็น "อัลไซเมอร์" จนลูกหลานเป็นห่วงจึงขอให้สึกหาลาเพศออกมาเพื่อจะได้ช่วยกันดูแลสะดวก

ตากันย์หายไปจากบ้านหลายวัน...จนวันหนึ่งมีผู้แจ้งว่า แกนั่งรถไฟไปถึงอีสาน ไปเพราะอาการหลงแบบอัลไซเมอร์ โชคดีที่ตำรวจรถไฟช่วยประสานกับพนักงานรถไฟพาแกกลับมาบ้านได้



ตากันย์จากโลกแห่งเวทย์มนต์ใบนี้ไปในวัยแปดสิบกว่า ๆ พร้อมกับการทิ้งตำนาน รถจักรไอน้ำไม้ฟืน 830 และนางไม้แห่งเสาตกน้ำมันของ "ห้องหนึ่ง" ไว้เป็นตำนานให้ผมได้บันทึกไว้สำหรับการเป็นอีกหน้าหนึ่งของ "ตำนานรถจักรไอน้ำแห่งสยามประเทศ" .


0 ความคิดเห็น:

Bluetrain Shop

Bluetrain Shop
เวบไซด์จำหน่ายรถไฟโมเดล

จำนวนการเข้าชม

บทความยอดนิยม

สถิติการเข้าเว็บ

เพิ่มเว็บ สารบัญเว็บไทย โปรโมทเว็บไซต์
Thanks for. ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ผู้ติดตาม

Search

ภาพรวมสถิติ