วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556
จาก ฮีโร่ เคสซี่ โจนส์ ถึง คนรถไฟไทย ที่ถูกลืม!?
แทบไม่ได้มีเวลาว่าง...หาโอกาสมาเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องราวของรถไฟในวันเก่า ๆ กันนานเต็มที...วันนี้พอมีเวลาว่าง...โอกาสดี ก็เลยอยากเขียนเรื่องราวดี ๆ ของวันเก่า ๆ ในยุครถจักรไอน้ำมาให้อ่านกันครับ
ผมเคยเขียนเรื่องราวของฮีโร่ พ.ข.ร รถจักรไอน้ำชาวอเมริกันที่ชื่อ นายเคสซี่ โจนส์ เอาไว้เมื่อครั้งยังเป็นเวบไซด์ locosiam.com แต่หลังจากปิดตัวเวบไซด์ลงแล้วก็ปรากฏว่า ต้นฉบับที่เขียนไว้ก็ไม่ได้ทำสำเนาเอาไว้..ดังนั้นหลายเรื่องราวในฐานข้อมูลของเวบไซด์เดิมก็มีอันถูกลบทิ้งไปหมด ...
แต่ถือว่า..ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญครับ..เพราะแต่ละเรื่องส่วนใหญ่เขียนให้อ่านกันพอเป็นเรื่องอ่านเล่นเพลิน ๆ สำหรับคนที่ชืนชอบเรื่องราวรถไฟ คงไม่อาจนำมาใช้ในแง่ของการเป็นส่วนอ้างอิงทางด้านวิชาการได้ เอาเป็นแค่เสริมความคิดถึงและความสำราญก็คงตรงเป้าหมายของ blog ละครับ
พูดถึง “ฮีโร่” ซึ่งหมายถึงบุคคลทีมีพฤติกรรมและการแสดงออกของความเป็นผู้มีจิตอาสา..มีใจเสียสละ และกล้าหาญที่จะทำสิ่งใดเพื่อปกป้อง..หรือเพื่อช่วยรักษาสิ่งใด โดยไม่หวั่นเกรงภยันตรายแม้นชีวิตหรือร่างกายตนเองนั้น นับว่าเป็นต้นแบบของการเป็นมนุษย์ที่ถือเป็นแบบอย่างที่น่ายกย่อง และจำเป็นต้องมีบุคคลเหล่านี้ไว้ในโลกใบนี้อีกนานเท่านานเพื่อเป็นหลักประกันแห่งความเป็นสังคมชาติที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
อเมริกา..ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ ค่อนข้างให้ความสำคัญของความเป็น “มุนษย์” โดยเฉพาะมนุษย์ที่มีจิตอาสา..มีความสามารถพิเศษ..หรือเป็นผู้ที่สร้างคุณูปการให้แก่สาธารณะ คนอเมริกันจะถือว่า นี่คือคนพิเศษและส่วนใหญ่จะให้เกียรติต่อบุคคลเหล่านี้ค่อนข้างกว้างขวาง
ในขณะที่หลายประเทศในเอเชียโดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างเช่นบ้านเรา ยังคงให้ความสำคัญต่อคนที่มีจิตอาสาหรือบุคคลที่ทำงานเพื่อสาธารณะน้อยมาก...แต่กลับให้ความสำคัญและยกย่องบุคคลที่มีเงินทองและอำนาจบารมีทั้งในภาคการเมืองและราชการมากกว่าที่จะมองในเรื่องของพฤติกรรมและการช่วยเหลือสังคม
เคสซี่ โจนส์ เป็นตัวอย่างที่คนรถไฟอเมริกัน โดยเฉพาะในรุ่นเก่า ๆ รู้จักและมีชื่อเสียงในฐานะของ “ฮีโร่” เพราะวีรกรรมของการยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อการรักษาชีวิตส่วนใหญ่ของผู้โดยสารและทรัพย์สินรถไฟ ซึ่งขออนุญาตนำมาเล่าแบบย่อให้รู้จักนายคนนี้กันอีกสักครั้งครับ
เคสซี่ โจนส์ แกมีชื่อทางการยาวเป็นรถไฟว่า นายโจนาธาน ลูเธอร์ จอหน์ เคสซี่ โจนส์ (Jonathan Luther John Casey Jones) ซึ่งถือนับอายุอานามถ้าแกยังอยู่ถึงวันนี้ก็อายุครบ 150 ปี พอดิบพอดี (แกเกิด ปี ค.ศ 1863)
เคสซี่ เป็นหนุ่มธรรมดาสามัญบ้านนอก จากรัฐเทนเนสซี่ ซึ่งก็ไม่ต่างกับคนหนุ่มสาวอเมริกันที่ต้องบากบั่นหางานการทำทั่วไป
ในยุครถจักรไอน้ำนั้น ก่อนที่จะพัฒนามาสู่ระบบห้ามล้อในปัจจุบันนั้น ตำแหน่งสำคัญที่สุดของกระบวนการทำขบวนรถด้วยรถจักรไอน้ำ จะต้องประกอบด้วย สามส่วนสำคัญคือ ส่วนหน้าที่ของคนขับ หรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า พวก Engineer ถัดมาก็คือตำแหน่ง ช่างไฟ หรือ fireman และที่สำคัญอีกตำแหน่งคือ พวกห้ามล้อ หรือ Brakeman
ตัวอย่างห้ามล้อ (Brakeman) ในยุคแรกๆ |
ตำแหน่งห้ามล้อโบราณมิได้มีหน้าที่แต่งกายสะอาดสะอ้าน เดินเก็บตั๋วสวมหมวกหม้อตาลหล่อเท่ห์แบบที่เห็นในเมืองไทยวันนี้นะครับ เพราะห้ามล้อ หรือ Brakeman ในสมัยก่อนนั้น หน้าที่ต้องคอยช่วยห้ามล้อรถ โดยตัวเองต้องขึ้นไปยืนบนหลังคาโบกี้แล้วก็ใช้มือหมุน ๆ ๆ เจ้าเครื่องช่วยเบรกล้อเพื่อให้ขบวนรถค่อยๆ เบาลงและหยุดลงในที่สุด
ดังนั้นเส้นทางก่อนจะได้ขึ้นมาเป็น Engineer หรือตำแหน่ง พ.ข.ร นั้นมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบงาม..ทว่าต้องไต่เต้านับแต่ตำแหน่ง ห้ามล้อ..ขึ้นไปอยู่บนหัวรถจักรทำหน้าที่ ช่างไฟ (Fireman) จนกระทั่งบรรลุวิทยายุทธ์เพื่อการก้าวไปเป็น พ.ข.ร เต็มตัว
เคสซี่ โจนส์ ก็ไม่ต่างอะไรกับกระบวนการกรุยทางนี้.เพราะเริ่มจากการก้าวมาเป็นคนรถไฟด้วยการเป็น พนักงานห้ามล้อ (Brakeman) ,ช่างไฟ(Fireman) และสุดท้ายคือการก้าวมาเป็น พ.ข.ร สมความปรารถนาในที่สุด
Simeon T. Webb ช่างไฟคู่ใจ Casey Jones |
เคสซี่ปรึกษากับแซม ช่างไฟคู่ใจ ด้วยปณิธานที่ว่า “เครื่องเจ๋ง..ช่างไฟแจ่ม.” ถึงไหนก็ถึงกัน...ตกลงทั้งคู่ตัดสินใจทำขบวนรถด่วนหมายเลข 1 ย้อนกลับไปแคนตัน ด้วยหัวรถจักรไอน้ำแบบ 4-6-0 ที่มีฉายาว่า แคนนอลบอล (cannonball)
เป็นที่ทราบว่า เคสซี่ เป็นคนหนุ่มที่มิจิตใจกล้าหาญ..ชอบอะไรที่มันท้าทายและที่สำคัญด้วยความสามารถในการทำขบวนรถทำให้เค้าได้รับการการันตีในเรื่องการทำเวลารถได้ดีในระดับแนวหน้า
รถจักรไอน้ำ canonball 4-6-0 ถูกนำมาแสดงโชว์ที่บ้านเกิดเคสซี่ |
30 เมษายน ค.ศ 1900 รถโดยสารขบวนหมายเลข 1 กว่าจะได้ออกจากเมมฟิสได้ก็เสียเวลาไป 95 นาที ..แต่ด้วยสมรรถนะสองอย่างที่กล่าวมาคือ เครื่องแจ่ม..ช่างไฟเจ๋ง สองอย่างนี้ทำให้เคสซี่ควบเจ้า แคนนอนบอล์มาด้วยความเร็ว 70 ไมล์ต่อชั่วโมง จนกระทั่งมาถึงก่อนจะเข้าชานชาลาสถานีวอกฮอลล์
ที่สถานีดังกล่าวมีขบวนรถไฟรอหลีกอยู่ถึง 3 ขบวน โดยพบว่าในรางหลีกทางขวามีขบวนรถจอดรถอยู่ 1 ขบวน และในรางหลีกซ้ายมีรถจอดรออยู่สองขบวน!
ในรางหลีกสองขบวนนั้นคือปัญหา..เพราะขบวนหนึ่งเป็นขบวนรถสินค้าหันหน้าขึ้นทิศเหนือ และอีกขบวนในรางเดียวกันหันหน้าลงใต้ ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับขบวนของเคสซี่ ที่กำลังจะเทียบชานชาลา
“ข้างหน้ามีสัญญานเตือน เคสซี่ “ ซิม..ช่างไฟตะโกนบอกเคสซี่.ซึ่งนั่นหมายถึงว่า ข้างหน้าต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่ง
“ฉี่ๆๆๆๆ ฟู่ดดดๆๆๆ” เคสซี่ลงห้ามล้อดังลั่น
แต่นั่นไม่ได้ทำให้ขบวนรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วเฉียด 75 ไมล์ต่อชั่วโมงลดลงได้ด้วยเวลาอันสั้น!
“ท้ายขบวนรถนั่น..ยังอยู่ในรางของเรา!!!” เสียงซิมตะโกนลั่น เพราะเมื่อมองผ่านความมืดจนใกล้จะถึงตัวก็พบว่า ขบวนรถที่กำลังจะเข้ารางหลีกในทางซ้ายนั้น ท้ายขบวนอีก 4 โบกี้ยังไม่หลุดพ้นจากรางประธานที่ขบวนของเคสซี่กำลังจะถึงตัวในไม่ช้า..
“กระโดด...ซิม!!! ” เคสซี่ ตะโกนลั่นบอกให้ช่างไฟคู่ใจกระโดดเอาตัวรอด
“กระโดดเดี๋ยวนี้ซิม!!” เสียงตะโกนกำชับเป็นครั้งที่สองเมื่อเห็นซิมหันรีหันขวางอย่างลังเล ก่อนตัดสินใจกระโดดจากหัวรถจักรกลิ้งหลุ่น ๆ ไปข้างทาง
เคสซี่..บังคับเจ้า cannonball ด้วยการลงเบรก ๆๆๆๆ อย่างสุดกำลัง แต่ด้วยพละกำลังมหาศาลของรถจักรไอน้ำทำให้แม้นความเร็วจะลดแต่ก็ไม่อาจต้านแรงเฉื่อยที่มีมากมายได้
“โครม!!!” เสียงปะทะลั่นสนั่น เมื่อเจ้า cannonball พุ่งเข้าชนท้ายตู้สุดท้ายของขบวนที่ยังคาอยู่บนรางประธาน
เมื่อทุกอย่างสงบลง....ก็พบว่าผู้โดยสารที่เคสซี่ พามาด้วยทุกคน ปลอดภัยดี....ยกเว้น “เคสซี่ โจนส์”
เคสซี่ เสียชีวิตคาที่บนหัวรถจักรที่ตนเองพยายามอย่างเต็มกำลังที่จะทำให้ทุกคนรอดและปลอดภัยในเหตุการณ์ครั้งนี้
เรื่องราวของ เคสซี่ โจนส์ กลายเป็นวีรกรรมที่คนรถไฟอเมริกันถือเป็นเกียรติ มาจวบจนปัจจุบัน เจ้าหัวรถจักรไอน้ำ cannonball ถูกซ่อมและใช้งานต่อ จนวันนี้มันตั้งเป็นที่ระลึกอยู่ในบ้านเกิดของเคสซี่ รวมทั้งบ้าน,ทุกสิ่ง,สถานีที่เกิดเหตุ ทุกสิ่งกลายเป็นพิพิทธภัณฑ์และเพื่อการท่องเที่ยว
เคสซี่ โจนส์ คือ ฮีโร่ ของคนรักรถไฟชาวอเมริกัน....
ภาพของเคสซี่ ถูกนำไปใช้บนตราไปรษณียากร...เรื่องราวของเค้าถูกนำไปดัดแปลงเป็นการ์ตูนดีๆ สอนเด็ก โดย วอลท์ ดิสนีย์ โดยใช้เรื่องว่า " พ.ข.ร ผู้กล้า" (The Brave Engineer) เมื่อปี ค.ศ 1950
ย้อนกลับมาเมืองไทยในยุครถจักรไอน้ำ... ราว ๆ ปี พ.ศ. 2515 (ถ้าจำไม่ผิด) ก็ยังต้องถือว่า ภาคใต้ของไทยโดยเฉพาะในสามจังหวัดก็ยังมีขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดนอยู่ (ซึ่งก็ต้องบอกว่ามีมานานนับร้อยปีแล้วเช่นกัน)
สมัยก่อนคนขับรถไฟสายใต้ตอนล่างก็จะเป็นที่รู้กันว่า เมื่อจะต้องทำขบวนรถไปสถานีสุไหงโกลกนั้น หลังจากขบวนรถเคลื่อนออกจากสถานียะลาเมื่อใด ความปลอดภัยและความเสี่ยงจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายเหล่านี้อาจมีขึ้นได้ตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะในพื้นที่ นับแต่ สถานีรามัน,ราโล๊ะ, รือเสาะ เจาะไอร้อง ไปจนกว่าจะเบาใจก็เข้าถึง สถานีไอสเตีย,สุไหงปาดีเข้าไปโน่น
พื้นที่สองข้างทางของเส้นทางรถไฟจากสถานี รามันไปจะเป็นป่าเขา และบางช่วงจะเป็นช่วงตัดผ่านชองเขาป่าทึบ และเส้นทางเหล่านี้คดเคี้ยวซึ่งขบวนรถจำเป็นต้องใช้ความเร็วรถต่ำ (เบาทาง) เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในขณะขับขี่
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง ในราวปี พ.ศ 2515 ขณะที่นายเปิม พ.ข.ร (ปัจจุบันเสียชีวิต) ทำขบวนรถโดยสารจากสุไหงโกลก ปลายทางยะลา (เพื่อรุ่งเข้าจะทำขบวนต่อไปยังหาดใหญ่) พร้อมด้วยมีช่างไฟ 1ที่ชื่อ นายเต๋ง (ไม่ทราบสถานะปัจจุบัน) ขณะทำขบวนออกจากสถานีรถไฟเจาะไอร้อง ซึ่งต้องผ่านช่วงบริเวณป่าเขาทั้งสองข้าง ระหว่างรถแล่นผ่านบริเวณช่องเขา ช่างไฟก็เห็นข้างหน้ามีต้นไม้ใหญ่ล้มลงขวางรางรถไฟอยู่
นายเปิม พ.ข.ร เบาขบวนรถและจอดก่อนที่รถจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่ขวางอยู่ข้างหน้า...
ก่อนที่จะสังเกตชัดว่า ต้นไม้ใหญ่ทีว่างขวางบนรางนั้นคือต้นไม้ที่ถูกตัดมาขวาง....ช่างไฟเต๋ง ก็สังเกตเห็นว่า สองฝั่งบนเนินที่เหนือขึ้นไปนั้นปรากฏกลุ่มบุคคลพร้อมด้วยอาวุธปืนในมือ!
“โจรพูโล! พี่เปิม” เสียงช่างไฟเต๋ง ตะโกนบอก ..
ไวเท่าความคิด...นายเปิม ตัดสินใจเปิดไอรถจักรเดินหน้าอย่างเบา ๆ เพื่อให้ตะแกรงหน้ารถจักรทำหน้าที่ค่อยๆ ดันต้นไม้ใหญ่ให้หลุดพ้นจากราง
โชคเป็นของรถไฟขบวนนี้...เพราะต้นไม้ถูกรถจักรไอน้ำเขี่ยจนหลุดออกไปข้างราง!!
ไม่รอช้า...นายเปิม เปิดไอน้ำจนสุด กระชากขบวนรถออกจากพื้นที่ ๆ อาจกลายเป็นพื้นที่แห่งความตายในเสี้ยววินาทีนั้น
ขบวนรถกระตุกอย่างแรงเพราะแรงดันไอน้ำมหาศาลที่ไปดันลูกสูบเคลื่อนที่อย่างผิดปกติ...รถวิ่งออกจากพื้นที่นั้นพร้อมกับวินาทีความเป็นความตาย
“ปัง.ปัง..ปัง!!! เสียงปืนรัวตามหลัง พร้อมเสียงปืนตอบโต้จากตำรวจรถไฟบนขบวน และไม่นานนักเสียงปืนก็ค่อย ๆ แผ่วเบา..หายไป พร้อมกับขบวนรถที่ปุเลง ๆ หนีมาได้อย่างเฉียดฉิว!
ผลในครั้งนั้นทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บไม่กี่คน และหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บสำคัญคือ ช่างไฟเต๋ง ที่ถูกกระสุนปืนจากกลุ่มโจรทิ่ยิ่งเข้ามาถูกบริเวณสะบักไหล่ ส่วน พ.ข.ร เปิม ปลอดภัย
ผู้ได้รับบาดเจ็บและช่างไฟเต๋งถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลตันหยงมัส..ส่วนขบวนรถนั้น นายเปิม ทำขบวนต่อจนมาถึงสถานียะลา
เมื่อรถไฟมาถึงสถานียะลา..หลายคนพากันไปดูสภาพของรถไฟ(ซึ่งรวมทั้งผม) ก็พบว่าขบวนรถมีรอยถูกกระสุนปืนยิงเป็นรู หลายโบกี้ รวมทั้งหัวรถจักร
ทั้งนายเปิม..และช่างไฟเต๋ง และเหล่าพนักงานรถไฟรวมทั้งตำรวจรถไฟ ต่างได้รับคำชมเชยและเพิ่มขั้นให้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ และที่น่าตกใจก็คือ ช่างไฟเต๋ง หลังจากหายดีแล้วหลายปีต่อมากลับมาถูกลูกหลงสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ(อีกครั้ง) เมื่อครั้งโจรใต้วางระเบิดสถานีรถไฟหาดใหญ่
แต่โชคนายเต๋งมากับดวงที่แข็งเป๊ก...เพราะหลังจากนั้นไม่นานแกก็หายดีเหมือนเดิม..
เรื่องราวเหล่านี้อาจไม่มีปรากฎในบันทึกราชการ หรือรายงานบันทึกอุบัติเหตุของการรถไฟ ทว่า..เรื่องจริงเหล่านี้ได้กลายเป็นตำนานเล่าขานกันในหมู่คนท้องถิ่นและคนรถไฟในพื้นที่ถึง วีรกรรม ที่นายเปิมและช่างไฟเต๋ง ตัดสินใจนำพาขบวนรถดังกล่าวรอดพ้นจากความตาย ซึ่งถ้าไม่เพราะความกล้าหาญและการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวในวันนั้น เราอาจมีเรื่องเศร้าและการสูญเสียที่ประเทศไทยต้องบันทึกไว้เป็ฯทางการจริง ๆ
และแน่นอนว่า “วีรกรรม” ที่ไม่มีใครจดจำ ซึ่งกำลังจะกลายเป็นเพียงตำนานเล่าขานและถูกลืมเลือนไปในที่สุด คงเป็นบทสะท้อนให้เห็นถึงบริบทของสังคมไทยที่เรายังห่างไกลจาก “วัฒนธรรมเชิดชูคนดี” อีกมาก
และตราบเท่าที่เรา ยอมรับเรื่องของ “เงินตรา..บารมี..อำนาจ” เป็นตัวตั้งเพื่อก้าวไปสู่และยอมรับในบุคคลที่ครอบครองสิ่งเหล่านี้โดยเพิกเฉยต่อการเทิดทูน “คนดี” สุดท้ายคงต้องถามต่อไปว่า แล้วประเทศไทยเราจะก้าวไปได้อีกสักกี่ก้าว...
ป้ายกำกับ:บันทึกความทรงจำ
หมวดหมู่เนื้อหา
- บทความเก่า (2)
- บันทึกความทรงจำ (6)
- รถจักรไอน้ำสยาม (4)
- รถไฟต่างประเทศ (4)
- รถไฟบันเทิง (4)
จำนวนการเข้าชม
บทความยอดนิยม
-
ทุกครั้งที่ผมเห็นของรถจักรไอน้ำ ที่มีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด เตี้ย..ตุ่น ดุดัน...ภาพเก่า ๆ ในอดีตเมื่อครั้งนั่งดูคุณปู่แมกอาเธอร์ยังคง...
-
สวัสดีปีใหม่..2557 ทุกท่านครับ... ไม่ได้เขียนบทความลงใน blog นานพอดู ..วันนี้มีเวลาว่าง ขออนุญาตนำเรื่องราวของ รถไฟในอดีต มาเ...
-
ในระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟ ในวันหนึ่งที่ผ่านมา ผมนั่งมองวิวสองข้างทางรถไฟ ผ่านสายตาไปที่ละเฟรม ที่ละฃอต เงาของเสาโทรเลขแต่ละต้น เคลื่อนผ...
-
Big Boy 4014 + 4012 พ่วงพหุ ถ้าจะลำดับความถึง ยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะแล้ว มาถึงยุคนี้้ผมก็ยังคิดว่าไม่มียานพาหนะใดที่ดูแล้วม...
-
ผมเกิด และเติบโตในสังคมของ "คนรถไฟ" เมื่อเริ่มลืมตามองโลก ก็เห็นรถจักรไอน้ำ...เสียง ฉึกฉั่ก ๆ ๆ พร้อมไอน้ำพวยพุ่งขาวโพลน ดูมีชี...
-
รถจักรไอน้ำมิกาโด วางล้อแบบ 2-8-2 ผลิตประเทศญีป่น ภาพ :http://steamtrainstories.com ยะลา... ในอดีตที่ผ่านมาราว 30-40 ปีนั้น เป็นเพี...
-
คืนหิมะตก..ก่อนวันคริสต์มาส เด็กน้อยนอนกระสับกระส่าย กับการเดินทางมาเยือนของ ซานต้าฯ และแล้วในคืนนั้น เสียงเครื่องจักรไอน้ำดำทะมึน พ...
-
เมื่อเอ่ยคำว่า "ประวัติศาสตร์" หลายหลากสำนักมักรวมเอาส่วนหนึ่งของ "คำบอกเล่า" หรือสิ่งที่เก่ากว่าท...
เวบไซด์ที่ผมชอบ
เวบไซด์องค์กรรัฐ
สถิติการเข้าเว็บ
Thanks for. ขับเคลื่อนโดย Blogger.